นครฟุกุโอะกะ (ญี่ปุ่น: ??? ฮึโกกะ-ชิ ?) เป็นเมืองเอกของจังหวัดฟุกุโอะกะ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะคีวชู ประเทศญี่ปุ่น
ในปี 2013 ฟุกุโอะกะได้รับการจัดอันดับว่าเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 12 ของโลก จากนิตยสาร Monocle จากการที่ในเขตตัวเมืองมีพื้นที่สีเขียวจำนวนมาก นอกจากนี้ฟุกุโอะกะยังเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่สุดในเกาะคีวชู ซึ่งรองลงมาคือนครคิตะกีวชู และยังถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันตกจากเขตมหานครเคฮันชิง จากการที่เป็นเมืองขนาดใหญ่และมีความสำคัญ ทำให้ฟุกุโอะกะได้รับสถานะเป็นนครโดยรัฐบัญญัติ เมื่อ 1 เมษายน 1972 ด้วยประชากรในเขตเมืองและปริมณฑลรวมกว่า 2.5 ล้านคน (สำมะโนปี 2005) ซึ่งทั้งฟุกุโอะกะ–คิตะกีวชู ต่างเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหนัก ซึ่งเป็นรายได้หลักของเมือง
เมื่อกรกฎาคม 2011 ฟุกุโอะกะมีฐานะเป็นเมืองใหญ่อันดับ 6 ของญี่ปุ่น ซึ่งแซงหน้านครใหญ่อย่างเคียวโตะ นับเป็นครั้งแรกที่เมืองทางตะวันตกของภาคคันไซ สามารถมีประชากรมากกว่าเคียวโตะ นับตั้งแต่ก่อตั้งเมืองเคียวโตะเมื่อปี ค.ศ. 794 นอกจากนี้ ในฟุกุโอะกะยังปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีที่บ่งชี้ว่าการสร้างชาติญี่ปุ่นเริ่มจากที่นี่
ฟุกุโอะกะบางครั้งถูกเรียกว่าท่าไดไซฟุ (???) ไดไซฟุเป็นเขตศูนย์กลางการปกครองในปี 663 แต่นักประวัติศาสตร์ก็แย้งว่า เขตศูนย์กลางนี้ มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ บันทึกโบราณอย่าง โคะจิกิ และ คันเอ็ง ตลอดจนหลักฐานทางโบราณคดีได้บ่งชี้ว่า พื้นที่แถบนี้เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมากในการสถาปนาชาติญี่ปุ่น นักวิชาการบางคนอ้างว่า สถานที่นี้เป็นสถานที่แรกที่จักรพรรดิทรงตั้งรกราก เช่นเดียวกับทฤษฎีกำเนิดชาติญี่ปุ่นอื่นๆอีกมากมาย
กุบไล ข่านแห่งจักรวรรดิมองโกล (ราชวงศ์หยวน) ได้เพ่งเล็งและสนใจในเกาะญี่ปุ่นที่เป็นประเทศปิด พระองค์เริ่มเตรียมการในปี ค.ศ. 1266 ทรงดำริว่าญี่ปุ่นไม่มีประสบการณ์ต่อโลกภายนอก จึงได้ส่งคณะราชทูตไปยังญี่ปุ่นเพื่อให้ยอมรับอำนาจของมองโกล ญี่ปุ่นขณะนั้นปกครองโดยตระกูลโฮโจ ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนโชกุนแห่งคะมะกุระ บะกุฟุ โดยโฮโจได้ปฏิเสธกลับไป กุบไลข่านส่งคณะราชทูตกลับไปอีกครั้งในปี 1268 ซึ่งครั้งนี้ โฮโจได้ปฏิเสธและประหารคณะราชทูต
ในปี 1274 กุบไลข่านส่งเรือรบ 900 ลำพร้อมไพร่พล 33,000 นายเข้าสู่ทางตอนเหนือของเกาะคีวชู ในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งเป็นทหารจากโครยอที่เป็นรัฐบรรณาการของมองโกล การรุกรานครั้งแรกล้มเหลวจากพายุไต้ฝุ่น ฝ่ายมองโกล–โครยอสูญเสียไพร่พลแทบทั้งหมด
ภายหลังความพ่ายแพ้ในการรุกรานครั้งแรก กุบไลข่านล่งคณะราชทูตไปอีกเป็นครั้งที่สามในปี 1279 ซึ่งโฮโจก็ได้สั่งตัดหัวพวกเขาเหมือนครั้งก่อน ทำให้ในปี 1281 กุบไลข่านส่งเรือรบ 4,400 ลำพร้อมไพร่พล 140,000 นายบุกยังฟุกุโอะกะ แต่ญี่ปุ่นเองก็เตรียมพร้อมรับมือเป็นอย่างดี หลังจากรบได้เพียงสองศึกและยังไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดจะเพลี่ยงพล้ำ พายุไต้ฝุ่นได้พัดเข้าที่เกาะคีวชูเป็นเวลาถึงสองวัน ทำลายกองเรือของมองโกลพินาศไปเกือบทั้งหมด ทหารมองโกลและโครยอเสียชีวิตกลางทะเลมากกว่าแสนนาย
พายุที่เกิดขึ้นระหว่างการรุกรานทั้งสองครั้งทำให้ญี่ปุ่นขนานนามพายุไต้ฝุ่นนี้ว่า คะมิกะเซะ (วายุเทพ)